ผลกระทบจากการทำลายป่าไม้
ทรัพยากรดิน
- การชะล้างพังทลายของดิน ปกติพืชพรรณต่างๆ
มีบทบาทในการช่วยสกัดกั้นไม่ให้ฝนตกถึงดินโดยตรง
ความต้านทานการไหลบ่าของน้ำ ช่วยลดความเร็วของน้ำที่จะพัดพาหน้า ดินไป
มีส่วนของรากช่วยยึดเหนี่ยวดินไว้
ทำให้เกิดความคงทนต่อการพังทลายมากยิ่งขึ้น แต่หากพื้นที่ว่างเปล่าอัตราการ
พังทลายของดินจะเกิดรุนแรง การสูญเสียดินจะเพิ่มขึ้น
- ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ บริเวณพื้นดินที่ไม่มีวัชพืชหรือป่าไม้ปกคลุม การพัดพาดินโดยฝนหรือลมจะเกิดขึ้น ได้มาก โดยเฉพาะบริเวณผิวหน้าดิน
ทรัพยากรน้ำ
- ความแห้งแล้งในฤดูแล้ง การแผ้วถางทำลายป่าต้นน้ำเป็นบริเวณกว้าง
ทำให้พื้นที่ป่าไม้ไม่ติดต่อกันเป็นผืนใหญ่
ทำให้เกิดการระเหยของน้ำจากผิวดินสูง แต่การซึมน้ำผ่านผิวดินต่ำ
ดินดูดซับและเก็บน้ำภายในดินน้อยลง ทำให้น้ำหล่อ
เลี้ยงลำธารมีน้อยหรือไม่มี
- คุณภาพน้ำเสื่อมลง คุณภาพน้ำทั้งทางกายภาพ เคมี
และชีวภาพล้วนด้อยลง ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง หรือทำลายพื้นที่ป่า
การปนเปื้อนของดินตะกอนที่น้ำพัดพาด้วยการไหลบ่าผ่านผิวหน้าดินหรือในรูปแบบ
อื่น ๆ นอกจากนี้ การปราบวัชพืชหรืออินทรีย์ต่างๆ
ที่อยู่ในแนวทางเดินของน้ำ
ก่อให้เกิดการปนเปื้อนและสร้างความสกปรกต่อน้ำได้ ไม่มากก็น้อย
- น้ำเสีย การปลดปล่อยของเสียหรือน้ำเสียลงสู่ลำน้ำสาธารณะ
จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เกิดปัญหาน้ำเสียโดยเฉพาะลำห้วย ลำธาร
ที่น้ำไหลช้าบริเวณที่ราบ สิ่งมีชีวิตในน้ำตายและสูญพันธุ์
ขาดน้ำดิบทำการประปา
อากาศ
- อากาศเสีย
การหายใจของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา
หากมีต้นไม้จำนวนมากหรือพื้นที่ป่ามากพอ
ต้นไม้เหล่านี้จะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไว้ในตอนกลางวันเพื่อการ
สังเคราะห์ด้วยแสง หรือก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ เช่น
คาร์บอนมอนอกไซด์จะดูดซับไว้โดยพืชชั้นสูงเหล่านี้
อากาศเสียก็จะไม่เกิดขึ้น
- โลกร้อน หรือเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก (Green house Effect)
ก๊าซเหล่านี้ยอมให้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ผ่านลงมายังพื้นโลกได้
ทำให้สามารถเก็บความร้อนจากการดูดซับรังสีไว้มากขึ้นโลกจึงมีอุณหภูมิสูง
ขึ้น กลุ่มก๊าซที่รวมตัวกันเป็นเกราะกำบัง ได้แก่ ก๊าซมีเทน ไนตรัสออกไซด์
คลอโรฟลูออโรคาร์บอน คาร์บอนเตตระคลอไรด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ และที่สำคัญคือ
คาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งมีมากที่สุด
- ทั้งหมดที่กล่าวมานี้นักวิทยาศาสตร์ในประเทศไทยนั้นได้กล่าวว่า"การที่
โลกมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เยอะนั้นไม่ได้มีแต่จะทำให้โลกร้อนอย่างเดียวแต่
ยังมีประโยชน์
ถ้าเราปลูกต้นไม้ให้มันเยอะๆก็ดีแต่ต้นไม้มันก็ต้องมีใบที่เหี่ยวแห้งร่วง
หล่น
ซึ่งเมื่อใบไม้ที่เหี่ยวปห้งร่วงหล่นมาสู่พื้นดินแล้วทับถมกันไปเรื่อยๆก็จะ
ทำให้เกิดก๊าซมีเทนซึ่งจะส่งผลเสียแต่อย่างเดียว
เพราะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ยังมีประโยชน์ทางอ้อมอีกคือ
เมื่อก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลอยขึ้นเหนือฟ้ามันก็ยังช่วยบังแสงอาทิตย์เพื่อ
ไม่ให้โลกร้อนเช่นเดียวกับฝุ่นละอองต่างๆ"